รอยเตอร์รายงานพิเศษ กองกำลังที่จีนหนุนเข้าคุมเหมืองแร่แรร์เอิร์ทที่ต้นแม่น้ำกก

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ Reuters ได้เผยแพร่รายงานพิเศษหัวข้อว่า กองกำลังที่หนุนโดยจีนเข้าคุมเหมืองแร่หายากแห่งใหม่ในพม่า China-backed militia secures control of new rare earth mines in Myanmar รายงานนี้ร่วมเขียนโดยนักข่าวพม่า ไทย และต่างชาติ ได้แก่ Naw Betty Han, Shoon Naing, Devjyot Ghoshal, Eleanor Whalley และ Napat Wesshasartar

เนื้อหาสำคัญของรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวระบุว่ากองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากปักกิ่ง กำลังปกป้องเหมืองแร่แรร์เอิร์ธแห่งใหม่ในรัฐฉาน ซึ่งเหมืองแร่เหล่านี้ดำเนินการโดยผู้ประกอบการที่พูดภาษาจีน โดยจีนพึ่งพาการนำเข้าแรร์เอิร์ธจากเมียนมา แต่เมื่อไม่นานมานี้เผชิญปัญหาในการจัดหาและแร่แรร์เอิร์ธเป็นทรัพยากรสำคัญที่จีนใช้เป็นเครื่องต่อรองในสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา

รายงานข่าวรอยเตอร์ อ้างอิงแหล่งข่าว 4 รายที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ว่า แม้จีนแทบจะผูกขาดกระบวนการแปรรูปแร่แรร์เอิร์ธหนัก (heavy rare earths) ให้เป็นแม่เหล็กที่ใช้ในสินค้าเทคโนโลยีสำคัญ เช่น กังหันลม อุปกรณ์การแพทย์ และรถยนต์ไฟฟ้า แต่จีนก็ยังต้องพึ่งพาพม่าอย่างมากในการจัดหาแร่โลหะและออกไซด์ที่จำเป็นต่อการผลิตเหล่านั้น ข้อมูลของศุลกากรจีนระบุว่าพม่าเป็นแหล่งนำเข้าหลัก คิดเป็นเกือบครึ่งของการนำเข้าทั้งหมดในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ การเข้าถึงแร่หายากชนิดใหม่ๆ ของจีน เช่น ดิสโพรเซียม (dysprosium) และเทอร์เบียม (terbium) ถูกจำกัดเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากพื้นที่เหมืองสำคัญในรัฐคะฉิ่นตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธที่ต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งจีนให้การสนับสนุน

รอยเตอร์รายงานว่า ขณะนี้ในพื้นที่ภูเขาในรัฐฉาน (ซึ่งติดพรมแดนไทย ที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย) คนงานเหมืองชาวจีนเริ่มเปิดพื้นที่ใหม่เพื่อทำเหมือง ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว 2 รายที่ทำงานอยู่ในในเหมืองซึ่งมีแรงงานอย่างน้อย 100 คน ทำงานเป็นกะทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อขุดเจาะภูเขาและสกัดแร่ด้วยสารเคมี โดยชาวบ้านอีก 2 รายในพื้นที่ระบุว่าเห็นรถบรรทุกขนวัสดุจากเหมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองสาดและเมืองยอน (ตรงข้าม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่) มุ่งหน้าไปยังชายแดนจีนที่อยู่ห่างออกไปราว 200 กิโลเมตร ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์สามารถระบุที่ตั้งของบางเหมืองได้จากภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์ของ Planet Labs และ Maxar Technologies

“ข้อมูลธุรกิจในพม่าจัดเก็บอย่างไม่เป็นระบบและเข้าถึงได้ยาก ทำให้รอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบเจ้าของเหมืองได้อย่างอิสระ” สำนักข่าวระบุ

รอยเตอร์รายงานด้วยว่า เหมืองแร่เหล่านี้ดำเนินงานภายใต้การคุ้มครองของกองกำลังสหรัฐว้า (UWSA) ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว 4 ราย โดย 2 รายในนั้นสามารถระบุตำแหน่งของสมาชิกกลุ่มติดอาวุธได้จากเครื่องแบบที่สวมใส่ ซึ่งกองทัพว้าเป็นหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในรัฐฉาน ยังควบคุมหนึ่งในเหมืองแร่ดีบุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีความเชื่อมโยงทางธุรกิจและทางทหารกับจีนมาอย่างยาวนาน ตามข้อมูลของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Institute of Peace)

รอยเตอร์ได้สัมภาษณ์ Patrick Meehan อาจารย์จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมแร่แรร์เอิร์ทของพม่า และตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมของเหมืองในรัฐฉาน ซึ่งระบุว่าพื้นที่เหมืองขนาดกลางถึงขนาดใหญ่เหล่านี้น่าจะเป็นแหล่งสำคัญแห่งแรกนอกเขตรัฐคะฉิ่น

“มีแนวสายแร่หายากทอดยาวจากรัฐคะฉิ่น ผ่านรัฐฉาน ไปจนถึงบางส่วนของลาว” Meehan กล่าว

สำนักข่าวระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ของจีน รวมถึงกองทัพว้า (UWSA) และรัฐบาลทหารพม่า ไม่ได้ตอบคำถามของรอยเตอร์เกี่ยวกับประเด็นนี้

รอยเตอร์ระบุว่าการเข้าถึงแร่แรร์เอิร์ทกลายเป็นประเด็นที่จีนให้ความสำคัญมากขึ้น โดยรัฐบาลปักกิ่งได้เพิ่มข้อจำกัดการส่งออกโลหะและแม่เหล็กหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กลับมาเปิดฉากสงครามการค้ากับจีนอีกครั้งในปีนี้ แม้จีนจะดูเหมือนอนุมัติการส่งออกมากขึ้นในระยะหลัง และทรัมป์ส่งสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งดังกล่าว แต่การควบคุมการส่งออกก็ส่งผลสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ การบินและอวกาศ และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งข้อมูลจาก Shanghai Metals Market ระบุว่า ราคาของออกไซด์เทอร์เบียม (terbium oxide) พุ่งขึ้นมากกว่า 27% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ราคาดิสโพรเซียมออกไซด์ (dysprosium oxide) มีความผันผวนสูง โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในช่วงเวลาเดียวกัน

รอยเตอร์นำเสนอภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งตรวจสอบพบว่าบริเวณพื้นที่ป่าบนภูเขาเขาในรัฐฉาน ห่างจากพรมแดนไทยประมาณ 30 กิโลเมตร เริ่มมีพื้นที่โล่งวงกลมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในเดือนเมษายน 2566 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่เหมืองแร่ในรัฐคะฉิ่นหยุดดำเนินงานได้ไม่นาน ภาพถ่ายดาวเทียมก็ได้แสดงให้เห็นว่าบริเวณดังกล่าวมีบ่อชะละลาย (leaching pools) มากกว่าสิบบ่อ ซึ่งมักใช้ในการสกัดแร่หายากหนัก ห่างออกไปเพียง 6 กิโลเมตร ข้ามแม่น้ำกกไปอีกฝั่ง ภาพดาวเทียมจากเดือนพฤษภาคม 2567 พบพื้นที่ป่าอีกแห่งที่ถูกเคลียร์ออกไป และภายในเวลาไม่ถึงปี พื้นที่นั้นก็กลายเป็นแหล่งสกัดที่มีบ่อชะละลายถึง 20 บ่อ

“เหมืองแร่หายากในรัฐฉานอาจเริ่มเดินเครื่องแล้ว ภายใต้การบริหารของจีน” รอยเตอร์ระบุ และอ้างอิงนักวิเคราะห์แร่ David Merriman ซึ่งได้ตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมจาก Maxar สองชุดให้กับรอยเตอร์ ว่า โครงสร้างพื้นฐานในเหมืองรัฐฉาน ตลอดจนการกัดเซาะของภูมิประเทศที่สามารถสังเกตได้ บ่งชี้ว่า “ไซต์เหล่านี้เริ่มมีการผลิตไปได้สักพักแล้ว”

คนงานเหมือง 2 ราย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (SHRF) 2 คน เปิดเผยว่าอย่างน้อยหนึ่งในเหมืองที่ระบุพิกัดในรายงานเมื่อเดือนพฤษภาคม ดำเนินการโดยบริษัทจีนมีผู้จัดการที่ใช้ภาษาจีนในการบริหารงาน อีกทั้งที่ทำงานแห่งหนึ่งยังมีป้ายโลโก้บริษัทที่เขียนด้วยอักษรจีน ซึ่งการใช้แรงงานจีนและส่งสินแร่กลับไปยังจีนในรัฐฉานนี้ สะท้อนระบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในรัฐคะฉิ่น

รอยเตอรสัมภาษณ์ Neha Mukherjee จาก Benchmark Mineral Intelligence ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า บริษัทเหมืองจีนสามารถผลิตออกไซด์ของแร่หายากหนักในเมียนมาได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าแหล่งอื่นถึง 7 เท่า เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานต่ำและกฎระเบียบหละหลวม “กำไรมหาศาล” จีนยังคงควบคุมเทคโนโลยีหลักที่จำเป็นในการสกัดแร่หายากหนักอย่างมีประสิทธิภาพอย่างเข้มงวด Mukherjee กล่าวว่า “จึงเป็นเรื่องยากที่จะเปิดเหมืองในเมียนมาโดยไม่มีความช่วยเหลือจากจีน”

สำนักข่าวยังได้สัมภาษณ์ Merriman ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัทที่ปรึกษา Project Blue กล่าวว่าแม้เหมืองในรัฐฉานจะมีขนาดเล็กกว่าเหมืองในคะฉิ่น แต่ก็น่าจะให้แร่ชนิดเดียวกัน โดยเฉพาะเทอร์เบียม (terbium) และดิสโพรเซียม (dysprosium) ซึ่งเป็นแร่เป้าหมายหลักของผู้ทำเหมืองในพื้นที่นี้

รอยเตอร์ระบุว่านี่คือ “อาวุธเชิงยุทธศาสตร์: จีนหนุนกองกำลังว้า คุมแหล่งแร่หายากรัฐฉาน” โดยกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ควบคุมพื้นที่ปกครองตนเอง และตามรายงานของอัยการสหรัฐฯ กลุ่มว้าสั่งสมอำนาจจากการค้ายาเสพติดมายาวนาน ซึ่งแม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลทหารพม่ามาหลายปี แต่กองกำลังว้า UWSA ยังรักษากำลังพลไว้ราว 30,000–35,000 คน พร้อมอาวุธทันสมัยซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากจีน ตามข้อมูลของเย เมียว เฮน นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน Southeast Asia Peace Institute ซึ่งกล่าวว่า “กองทัพว้าทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญของจีนในการรักษาอำนาจเชิงยุทธศาสตร์ตามแนวชายแดนจีน-เมียนมา และมีอิทธิพลต่อกองกำลังชาติพันธุ์อื่นๆ”

รอยเตอร์สัมภาษณ์ เลงหาญ มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ซึ่งกล่าวว่าทหารของกองทัพว้าเฝ้าตรวจตราบริเวณพื้นที่เหมืองอย่างเข้มงวด “ประชาชนไม่สามารถเข้าออกพื้นที่ได้โดยไม่มีบัตรประจำตัวที่ออกโดยกองทัพว้า” แม้รัฐฉานจะไม่ถูกรบกวนมากจากสงครามกลางเมืองซึ่งมีกองกำลังหลากหลายต่อสู้กับกองทัพเมียนมา แต่การสู้รบในรัฐคะฉิ่นส่งผลให้หลายบริษัทจีนต้องระงับกิจการเหมือง

สำนักข่าวรายงานอีกว่าจีนประกาศหลายครั้งว่าต้องการเห็นความมั่นคงในพม่า เนื่องจากมีการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศนี้ และได้แทรกแซงเพื่อหยุดยั้งความรุนแรงในบางพื้นที่ใกล้ชายแดนจีน

รอยเตอร์สัมภาษณ์เจสัน ทาวเวอร์ ผู้อำนวยการประจำพม่าของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ (USIP) ซึ่งกล่าว“กองทัพว้าไม่ได้มีความขัดแย้งกับกองทัพพม่านานกว่า 35 ปีแล้ว รัฐบาลจีนและบริษัทจีนมองว่าพื้นที่ของว้ามีเสถียรภาพมากกว่าพื้นที่ตอนเหนือส่วนอื่นๆ ของพม่า”

เจ้าหน้าที่ Benchmark Mineral Intelligence ให้ความเห็นว่า การมุ่งลงทุนในแหล่งแร่หายากแห่งใหม่ในรัฐฉานจะเป็นหมากสำคัญของจีนในสงครามแย่งชิงแร่หายากระดับโลก “ถ้ารัฐคะฉิ่นมีปัญหามาก จีนก็ต้องหาทางเลือกใหม่ พวกเขาต้องการควบคุมแร่หายากหนักไว้ในมือ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์” เจ้าหน้าที่กล่าว

อ่านข่าวฉบับเต็ม https://www.reuters.com/world/china/china-backed-militia-secures-control-new-rare-earth-mines-myanmar-2025-06-12/

RELATED ARTICLES