หนังสือขอข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจกรรมเหมืองในเมียนมาร์ที่ประเทศไทย

เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย


28 กรกฎาคม 2568


เรื่อง ขอข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจกรรมเหมืองในเมียนมาร์ที่ประเทศไทย
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
อธิบดีกรมศุลกากร
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

ด้วยเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง เป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงราย เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากแหล่งมลพิษจากการทำเหมืองในประเทศเมียนมาร์ พื้นที่รัฐฉาน ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย โดยมลพิษไหลลงสู่แม่น้ำกก-แม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก-แม่น้ำโขง นับตั้งแต่มีการเผยแพร่ข่าวประมาณกลางปีพ.ศ.2567 จนถึงปัจจุบัน ทางเครือข่ายได้ติดตามการดำเนินการของหน่วยงานรัฐในการแก้ไขปัญหาผลกระทบดังกล่าวตลอดมา ปัจจุบันมีข้อมูลชัดเจนจากกรมควบคุมมลพิษว่า พบสารโลหะหนักปนเปื้อนลงสู่แม่น้ำทั้งสี่สายและมีในหลายส่วนที่มีค่าสารโลหะหนักปนเปื้อนเกินมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด และยังมีรายงานยืนยันจาก Mekong River Commission ยืนยันถึงสารโลหะหนักสู่แม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติแล้ว แต่ปรากฏว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ชัดเจนว่า เหมืองในประเทศเมียนมาร์ดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยบริษัทหรือบุคคลใด ไม่มีการเปิดเผยชื่อแต่อย่างใด 

ถึงแม้ว่า เหมืองดังกล่าวจัดตั้งอยู่ในประเทศเมียนมาร์ แต่ทางเครือข่ายเชื่อว่า ในการดำเนินกิจการเหมืองดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยอย่างน้อยจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าด้วยการรับซื้อแร่จากเหมืองดังกล่าว ตลอดทั้งการส่งออกสารเคมีหรืออุปกรณ์แม้กระทั่งเชื้อเพลิงในการประกอบกิจการเหมืองดังกล่าวจากประเทศไทย ซึ่งหากทราบได้ว่า เป็นบุคคลหรือนิติบุคคลใดในประเทศไทยดำเนินการดังกล่าว ก็จะทำให้ทราบต้นตอหรือชื่อของบุคคลหรือนิติบุคคลที่ประกอบกิจการเหมืองแร่ดังกล่าวด้วย 

โดยที่รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights: NAP) ฉบับที่ 2 ซึ่งจะต้องดำเนินการในส่วนของการด้านที่ดินสิ่งแวดล้อมและชุมชน และความรับผิดชอบในการลงทุนข้ามพรมแดน ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าด้วยการรับซื้อแร่จากเหมืองดังกล่าว ตลอดทั้งการส่งออกสารเคมีหรืออุปกรณ์แม้กระทั่งเชื้อเพลิงในการประกอบกิจการเหมืองดังกล่าวจากประเทศไทยดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามในด้านการคุ้มครอง เคารพ และเยียวยา ตามหลักการธุรกิจและสิทธิมนุษยชนและแผน NAP ซึ่งหน่วยงานของท่านมีหน้าที่ปฏิบัติตามแผน NAP ดังกล่าว และยังต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ด้วย 

เนื่องจากหน่วยงานท่านเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น และเห็นว่ามีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการนำเข้า-ส่งออกสินค้าและวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนสารเคมีที่เกี่ยวข้องและกิจการเหมืองดังกล่าว ย่อมมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่ในความรับผิดชอบของท่าน และรัฐบาลตลอดทั้งหน่วยงานท่านมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิของประชาชนและป้องกันการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าว เครือข่ายจึงเรียนมาเพื่อขอทราบข้อมูลดังต่อไปนี้จากท่าน


1. หลักฐานการนำเข้า-การรับซื้อแร่ขากประเทศเมียนมาร์ ในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน โดยขอทราบข้อมูล ดังนี้
– ชื่อผู้นำเข้าสินแร่ และชื่อของผู้ส่งออกมายังประเทศไทย
– ชนิดแร่ที่นำเข้า 
– ปริมาณการนำเข้า 
– แหล่งที่มาของการนำเข้า โดยเฉพาะชื่อผู้ขายหรือส่งเข้ามาในประเทศไทย  
– วันเวลาในการนำเข้า
– หลักฐานเอกสารในการนำเข้าแร่จากประเทศเมียนมาร์
2. หลักฐานการส่งออกไปขาย สำหรับสินค้า วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดทั้งสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่ ที่ได้ส่งออกไปยังประเทศเมียนมาร์ นับแต่ต้นปีพ.ศ.2567 จนถึงปัจจุบัน โดยขอทราบข้อมูล ดังนี้
– ชื่อผู้ส่งออก แหล่งที่มาของการนำเข้า โดยเฉพาะชื่อผู้ส่งออกไปประเทศเมียนมาร์
– ชนิดสินค้าส่งออก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการเหมืองแร่ในเมียนมาร์ รัฐฉาน 
– ปริมาณการส่งออก และ วันเวลาในการส่งออก
– ชื่อผู้รับหรือสั่งซื้อ 
– หลักฐานเอกสารในการส่งออกสินค้า วัสดุ อุปกรณ์ ข้างต้นไปประเทศเมียนมาร์
3. แผนผังการดำเนินการนำเข้า/ส่งออกของกิจกรรมข้างต้น
4. แผนที่การทำกิจกรรมเหมืองในประเทศเมียนมาร์ในพื้นที่รัฐฉาน
5. กฎหมาย กฎ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออกสินค้าข้างต้น และการสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว
6. เอกสารหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข้างต้น

เนื่องจาก กิจกรรมเหมืองในประเทศเมียนมาร์ดังกล่าว นำไปสู่การส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อสุขภาพ ชีวิตทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องรับมลพิษที่ปนเปื้อนจากเหมืองดังกล่าว ที่เรียกได้ว่า “อาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม” (Environmental Crime) ซึ่งเป็นเรื่องของ “ประโยชน์สาธารณะ” (Public Interest) ที่ประชาชนทุกคน ภาคเอกชน และหน่วยงานรัฐ มีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครองและป้องกัน ไม่ให้เกิดการละเมิดขึ้น อาศัยสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน และหน้าที่ของประชาชน ทางเครือข่ายจึงเรียนมาเพื่อขอเอกสารดังกล่าว เพื่อตรวจสอบการดำเนินกิจการข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดเชียงราย ตลอดจนประชาชนที่อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำกก-สาย-รวก และลุ่มน้ำโขงตอนล่าง จึงขอให้ท่านจัดส่งเอกสารภายใน 15 วัน และตอบกลับเป็นหนังสือ ไปยัง มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ณ ที่อยู่ มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ณ ที่อยู่ 129/1 ป่างิ้ว ซอย 4 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย 57000   ซึ่งเป็นตัวแทนของเครือข่าย หากท่านมีข้อขัดข้องสงสัยประการใด ขอให้ท่านติดต่อไปยัง …

จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดดำเนินการภายในกำหนดเวลา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการดำเนินการตอบรับด้วยดี

RELATED ARTICLES